บทเรียนไปษณีย์ บทที่ 3
บทที่ 3
ความหวังของศาสนาคริสต์
โดย วีรศักดิ์
วรฤทธิ์สกุล
มีผู้หวังดีจำนวนมากจากศาสนาต่าง
ๆ
ที่พยายามจะหาส่วนคล้ายของแต่ละศาสนา
เพื่อจะนำมาประยุกต์ให้เข้ากันให้ได้
นี่เป็นความหวังดี
บางท่านก็พยายามที่จะให้เรามองดูทุกศาสนาว่าไม่ต่างกัน โดยยกตัวอย่างว่า น้ำทะเล
น้ำคลอง และน้ำประปา ต่างก็มีส่วนประกอบของไฮโดรเจนและออกซิเจน (H2o)
แต่ความจริงก็คือไม่ใช่ทุกคนอยากจะดื่มน้ำทะเลหรือน้ำคลอง
น้ำที่ดีที่สุดอาจจะไม่ใช่แม้แต่น้ำประปาแต่เป็นน้ำกลั่นที่สะอาดบริสุทธิ์ ส่วนที่เหมือนกันของแต่ละศาสนาคือ เป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของมนุษย์ แต่ความจริงก็ยังเป็นความจริงคือ แต่ละศาสนาต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นศาสดา คำสอน
หลักความเชื่อ และความหวัง ถ้าหากไม่ต่างกันแล้ว คงจะไม่มีหลายศาสนา คริสต์
พุทธ อิสลาม ซิกส์
เต๋า ชินโต เชนและอื่น ๆ
อย่านับถือตามกัน
การนับถือศาสนาเป็นเรื่องสำคัญ
ที่แต่ละคนจะต้องตัดสินใจเองไม่ใช่ให้พ่อแม่ บรรพบุรุษ
ประเพณีและสังคมของเราตัดสินแทนเรา
ใครที่นับถือศาสนาตามคนอื่น
โดยที่ตัวเองไม่ได้ตริตรองและใคร่ครวญเหตุผลอย่างถ่องแท้ ไม่ว่าเขาจะนับถือศาสนาใด คนนั้นเป็นคนที่เชื่ออะไรอย่างงมงาย เพราะเชื่อตามกัน แต่คนที่มีเหตุผลและมันสมอง จะคิดและใช้สมองของเขาในการเลือกนับถือศาสนาที่จะให้ความหวังแก่ชีวิตของเขา
ถึงแม้ว่าเขาอาจจะถูกตัดญาติหรือถูกข่มเหงในสิ่งที่เขาเชื่อ
เขาจะไม่ทิ้งความเชื่อนั้นเมื่อเขาปักใจแน่วแน่แล้วว่า สิ่งที่เขาเชื่อถืออยู่นี้เป็นความจริง
ให้เราตัดสินใจเอง
ในชีวิตของเราแต่ละคนมีการตัดสินใจ
ไม่ว่าเราจะหาคู่ครอง
เราก็ตริตรองดูว่า
ใครที่เหมาะสมกับชีวิตของเรา
เราไม่ได้พูดว่าแต่งกับใครก็ได้ เวลาเราจะซื้อบ้าน รถยนต์
มอเตอร์ไซด์ ทีวี และตู้เย็น
เราไม่ได้พูดว่ายี่ห้อไหนก็ได้
แต่เราใช้เวลาที่จะเลือกและศึกษาดูสินค้านั้นว่า ดีและไม่ดีอย่างไร ศาสนาซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อความสุขและความหวังของชีวิตเรา เราจะไม่ศึกษาค้นคว้าแสวงหา เพื่อจะได้ความสุขนั้นหรือ? ดังนั้นศาสนาเป็นเรื่องที่ต้องจริงจัง ไม่ใช่นับถือศาสนาอะไรก็ได้
ศาสนาใดให้ความหวัง
การที่จะเปรียบเทียบว่าศาสนาหนึ่งดีกว่าอีกศาสนาหนึ่ง อาจจะทำให้เราเกิดความไม่สบายใจ
และคิดว่าคนอื่นกำลังดูถูกเหยียดหยามศาสนาของเรา ศาสนาของเรา
ศาสนาของใคร ๆ ก็รัก นี่เป็นสิ่งที่ไม่บังควรคือ การดูถูกศาสนาอื่น แต่ความจริงก็คือว่า แต่ละศาสนายังแตกต่างกัน
และไม่ใช่ทุกศาสนาที่ให้ความหวังชีวิตเหมือนกัน ดังนั้นศาสนาใดเล่าที่จะทำให้ชีวิตของเรามีความหมายและความหวัง?
ไถ่จากกฎกรรม
ศาสนาคริสต์แตกต่างจากศาสนาอื่น คำสอนหลักของศาสนาคริสต์ ไม่ใช่การทำดี
นี่เป็นประเด็นย่อย แต่คำสอนหลักคือ พระเยซูคริสต์เป็นพระบุตรของพระเจ้าที่มาตายไถ่บาปมนุษย์ เพื่อที่มนุษย์จะได้ไม่ต้องไปใช้หนี้กรรมบาปในนรก การที่จะเข้าใจถึงหลักคำสอนนี้
จำเป็นที่เราจะต้องเข้าใจในคุณลักษณะของพระเจ้าด้วย พระเจ้าทรงเป็นความรัก
พระองค์ไม่ประสงค์ที่จะให้มนุษย์ที่ทำบาปไปใช้หนี้กรรมของเขาในนรก ตามกฎแห่งกรรมที่ว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว”
แต่ในเวลาเดียวกัน พระองค์จะให้มนุษย์นั้นเขาสวรรค์ และอยู่กับพระองค์ไม่ได้
เพราะว่าพระองค์ไม่สามารถที่จะยกโทษบาปให้แก่มนุษย์โดยไม่มีการไถ่บาปเช่นกัน
หลักการไถ่บาป
หลักใหญ่ของศาสนาคริสต์คือ หลักคำสอนเรื่องการไถ่บาป
สิ่งที่มาไถ่ต้องมีค่ามากกว่าสิ่งที่ถูกไถ่ นี่คือกฎของการไถ่ ถ้าหากมีค่าน้อยกว่าย่อมไถ่ไม่ได้ วันนี้ถ้าหากผู้เขียนถูกจับในข้อหา
ฝ่าฝืนกฎจราจร ตามกฎหมายจะถูกสั่งปรับ 400
บาท
ถ้าผู้เขียนไปที่โรงพักและเสียค่าปรับตามกฎหมายระบุไว้ ครับ
ผู้เขียนก็สามารถเดินลงจากสถานีตำรวจเหมือนผู้บริสุทธิ์ เพราะว่าได้เสียค่าปรับซึ่งมีมูลค่ามากว่าความผิดที่ได้ทำไป แต่ถ้าเสียค่าปรับเพียง 100
บาท แน่นอน
ผู้เขียนไม่สามารถที่จะพ้นจากข้อหาความผิดนั้นเช่นกัน
ถ้าหากว่าชีวิตของพระเยซูคริสต์มีคุณค่ามากกว่าชีวิตมนุษย์เรา พระองค์ย่อมไถ่บาปที่เราทำได้
ไม่ใช่เพียงคนต่อคน แต่พระองค์เพียงผู้เดียว สามารถไถ่บาปมนุษย์ได้ทั้งโลกในอดีต ปัจจุบัน
และอนาคต สิ่งที่ต้องพิสูจน์ก็คือ พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้า (พระเจ้าที่เกิดมาในคราบของมนุษย์)
แน่นอนถ้าหากพระองค์เป็นพระเจ้าที่มาเกิดเพื่อจะไถ่มนุษย์ พระองค์ย่อมไถ่ได้ พระองค์ไถ่ทุกคนที่เรียนบทเรียนนี้ได้
เพราะชีวิตของพระองค์มีค่ามากกว่าชีวิตมนุษย์ นี่เป็นสิ่งที่เราจะศึกษากันในบทที่ 4
รอดโดยพระคุณไม่ใช่ทำดี
ดังนั้นศาสนาคริสต์
ไม่ใช่ศาสนาของระบบกฎหรือศีลบัญญัติที่มนุษย์ต้องถือ คนที่เป็น
คริสเตียนมีความหวังว่าเขาจะได้ไปอยู่กับพระเจ้า
เมื่อเขาจบชีวิตลงในโลกนี้
เพราะวิญญาณของเขาได้รับการไถ่บาปแล้ว
และจะไม่ต้องไปใช้หนี้กรรมในนรก
การไปสวรรค์ไม่ใช่โดยความดี (ทำบุญ)
หรือการประพฤติ
หรือศีลบัญญัติที่เขาได้ถือรักษา
แต่เป็นเพราะพระคุณของพระเจ้า
ที่ให้เขาไปเนื่องจากองค์พระเยซูได้ทรงไถ่เขาแล้ว
แต่นี้มิได้หมายความว่าคริสเตียนเป็นคนที่ไม่ประพฤติหรือทำการดี
ทางตรงกันข้ามคริสเตียนมีชีวิตอยู่เพื่อที่จะทำการดี แต่เราไม่ได้หวังพึ่งในการดีที่เรากระทำเพื่อจะไปสวรรค์
การดีเป็นหน้าที่ของมนุษย์ทุกคนที่ต้องกระทำ คริสเตียนคนใดที่ประพฤติชั่วแท้จริงเป็นบุคคลที่มิได้เห็นคุณค่า ถึงการวายพระชนม์ของพระเยซูเพื่อเขา
การที่บุคคลหนึ่งได้ช่วยให้เราพ้นจากการตกน้ำตาย ควรหรือที่เราจะกลับลงไปในน้ำอีก ใครที่ได้รับการไถ่แล้วจากความบาป และยังคงกลับไปกระทำการชั่ว ผู้นี้ไม่เหมาะสมจะเป็นคริสเตียน
ความสุขในสวรรค์
ศาสนาไหนให้ความหวังแก่เรา? ศาสนาคริสต์
ศาสนานี้ไม่ได้สอนว่า
ชาติหน้าจะเกิดเป็นลิงหรือสุนัข
การที่เป็นคนชาตินี้แล้วชาติหน้าจะกลับเป็นสัตว์เดรัจฉาน นี่ไม่ใช่ความหวังแต่หมดหวัง
เช่นกันการที่เกิดมาแล้วแต่ชาติหน้าจะดับสูญ ไม่มีตัวตน
นี่ไม่ใช่ความหวังแต่หมดหวัง
สำหรับผู้ที่มองดูชาตินี้ว่า
เป็นการใช้กรรม (มีแต่ทุกข์) คนเช่นนี้ก็มองเห็นว่า
การดับสูญเป็นความหวังแต่สำหรับคนที่มองชีวิตว่า
ชีวิตนี้มีความสุขท่ามกลางความทุกข์จะรอคอยความสุข ที่ปราศจากความทุกข์กับพระเจ้าชั่วนิรันดร์ในสวรรค์ นี่คือความหวังและความสุขแท้
Comments
Post a Comment