บทเรียนไปษณีย์ บทที่ 8


 

บทที่  8

ชีวิตคริสเตียน

โดย  วีรศักดิ์  วรฤทธิ์สกุล

               ในบทที่แล้วผู้เขียน  ได้บอกถึงวิธีการเป็นคริสตียน  ผู้ที่มีความประสงค์ที่จะเป็นบุตรของพระเจ้าจะต้องทำ  5  ประการด้วยกันคือ  ได้ยิน  เชื่อ  กลับใจ  สารภาพและรับบัพติศมา  ดังนั้นจะเห็นได้ว่าวิธีการเป็นนั้นก็ง่ายมากและไม่เสียเงินอะไร  แถมได้รับความรอดจากกฎแห่งกรรม  ไม่ต้องไปใช้หนี้บาปในนรก  และจะได้ไปอยู่กับพระเจ้าในสวรรค์ชั่วนิรันดร์  เพราะเขาได้เข้าส่วนในความตายกับพระเยซู  และพระองค์ได้ไถ่เขาแล้ว 

               แต่สิ่งที่ยากคือ  การดำเนินชีวิตคริสเตียน  การเป็นนั้นง่าย  แต่การที่จะใช้ชีวิตเพื่อพระเยซูนี่ยาก  สาเหตุเพราะว่ามารซาตาน  ซึ่งเป็นวิญญาณชั่วต้องการที่จะทำลายทุกคนที่เชื่อในพระเจ้า  มันจะขัดขวางทุกวิถีทางที่จะไม่ให้มนุษย์กลับใจจากบาปมาหาพระเจ้า  และพยายามที่จะทำให้คนเป็นแล้วเลิกเป็น  ดังนั้นศัตรูยิ่งใหญ่ของคริสเตียนคือซาตานและความชั่ว

 

อุปสรรคในการเป็นคริสเตียน

               หลายคนที่เรียนบทเรียนนี้แล้ว  และอยากเป็นสาวกของพระเยซูก็มีมาก  แต่อุปสรรคใหญ่ในการที่ทำให้เราไม่สามารถตัดสินใจยอมรับองค์พระเยซูคริสต์คือ  บิดามารดาของเรา  สิ่งที่มารทำคือ  พยายามทำให้พ่อแม่ของเรามีความรู้สึกว่า  ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาไม่ดี  เป็นศาสนาฝรั่ง  และใครมาเชื่อแล้วเป็นพวกไม่รักชาติ  ทั้ง ๆ  ที่รัฐธรรมนูญเองได้ให้สิทธิ์แก่คนไทยทุกคน  ที่จะเลือกนับถือศาสนา  มารใช้มนุษย์ที่เรารักห้ามหรือแม้กระทั่งกลั่นแกล้งเรา  คนเหล่านี้ไม่รู้ตัวว่าเขาตกเป็นเครื่องมือของมาร  ในการที่จะหยุดเราจากการติดตามพระเยซู

               เด็กหนุ่มหลายคน  ไม่สามารถเป็นคริสเตียนได้เพราะว่าจำเป็นต้องบวช  เป็นประเพณีนับถือกันมา   ผู้หญิงถูกแฟนห้าม  นักเรียนถูกครูด่า  หลายคนถูกหัวเราเยาะ  ครับ....คนจำนวนมากที่เชื่อแต่ไม่กล้าตัดสินใจตามพระเยซูเนื่องจากความกดดันของสังคม ท่านทนได้ไหม?  ถ้าทนได้ก็      เป็นคริสเตียนได้  ถ้าไม่แน่ใจอย่าเพิ่งเป็น  แต่การที่ท่านไม่เป็น  อย่าลืมว่าชีวิตของท่านยังมีความบาปที่ยังไม่ได้รับการลบล้าง  และอย่าลืมกฎแห่งกรรมที่ว่า  ทำดีได้ดี  ทำชั่วได้ชั่ว  ท่านพร้อมจะพบกับพระเจ้าในขณะที่เป็นคนบาปซึ่งยังไม่ได้รับการไถ่หรือ?

 

ตัวใครตัวมัน

               ใครกินใครก็อิ่ม  สิ่งนี้เราทำแทนกันไม่ได้  หลักความเชื่อก็เช่นกัน  ใครเชื่อใครก็รอด  ใครทำบาปคนนั้นก็ไปใช้บาปของตน  เราไม่สามารถทำแทนคุณพ่อคุณแม่ของเราได้  ดังนั้นการทำบุญแทนหรือการทำบาปแทนเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้  ถ้าผู้ปกครองของเราห้ามเรา  เราจะอ้างกับพระเจ้าว่าพ่อแม่ห้ามไม่ได้  พ่อแม่ของเราท่านก็ต้องให้การแก่พระเจ้าเองถึงการประพฤติของท่าน  เราแต่ละคนก็ต้องให้การเกี่ยวกับชีวิตของเราเอง  อย่าลืมว่าศาสนาเป็นเรื่องของแต่ละคน  คนที่เชื่อศาสนาโดยเชื่อตามกันเป็นคนโง่  คนที่ศึกษาแล้วแต่ไม่กล้าเป็นคริสเตียนเป็นคนขี้ขลาด  ศึกษาแล้วเชื่อเป็นอีกเรื่องหนึ่ง  ท่านเชื่อหรือเปล่า?  กลัวชาวบ้านและเพื่อนมนุษย์ต่อว่าไหม?  จำไว้  นกกระจอกบินเป็นฝูง  แต่นกอินทรีย์บินเดี่ยว

 

ความรับผิดชอบในการเป็นคริสเตียน

               ความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่สำหรับคริสเตียนคือ  ความรับผิดชอบต่อพระเจ้า  บัญญัติที่สำคัญที่สุด  รักพระเจ้าด้วยสุดใจสุดจิตและด้วยสิ้นสุดความคิด  (มัดธาย  22.37)  พูดง่าย ๆ  รักหมดหัวใจ  พระองค์ต้องมาที่หนึ่งในชีวิตของเรา  ไม่ใช่มนุษย์  ถ้าหากท่านไม่พร้อมที่จะรักพระเยซู  ท่านยังไม่พร้อมที่จะเป็นคริสเตียน  พระเยซูรักท่านมากถึงขนาดที่พระองค์ทรงวายพระชนม์เพื่อท่าน  ท่านรักพระองค์มากแค่ไหน?

 

สิ่งที่พึงปฏิบัติ

               คริสเตียนทุกคนต้องมานมัสการพระเจ้าทุกวันอาทิตย์  ซึ่งเราเคยประชุมกันนั้น  อย่าให้หยุดเหมือนอย่างบางคนเคยกระทำนั้น  (เฮ็บราย  10.25)  การมานมัสการพระเจ้าเป็นการถวายเกียรติยศแด่พระองค์ และเป็นการหนุนน้ำใจของพวกคริสเตียน การเห็นหน้าคนที่รักพระเจ้า  เหมือนกับเรา  จะทำให้เราเข้มแข็งขึ้นในความเชื่อ  จำเป็นต้องมาโบสถ์

 

               ต้องศึกษาพระคัมภีร์     พระคำของพระเจ้าเปรียบเสมือนอาหารของวิญญาณ  ร่างกายของมนุษย์ต้องการอาหารเพื่อจะเจริญเติบโต  ด้านวิญญาณจิตก็ต้องการอาหารด้วย  เมื่อเป็นคริสเตียนใหม่ต้องแสวงหาพระคำเหมือนทารกแสวงหาน้ำนม  กาลเวลาผ่านไป  คริสเตียนต้องกินอาหารที่แข็งขึ้นเรื่อย ๆ  เหมือนผู้ใหญ่ที่กินอาหารแข็งได้

               การอธิษฐาน  นี่เป็นการภาวนาและสำรวมจิต  การอธิษฐานของคริสเตียนไม่มีสูตร  อะไรที่อยู่ในใจของเราอธิษฐานบอกพระเจ้าได้  มีตั้งแต่การทูลขอ  การอธิษฐานเผื่อผู้ที่มีปัญหาและปัญหาของเรา  และมีการขอบพระคุณ  อธิษฐานเป็นการพูดคุยกับพระเจ้าที่เป็นบิดาของเรา

               พิธีศีลระลึก  ทุกวันอาทิตย์  คริสเตียนจะทำการระลึกถึงพระคุณของพระเยซู  ที่พระองค์ได้ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปของเรา  เราจะทำเช่นนี้จนกว่าพระเยซูจะเสด็จกลับมารับเรา  พิธีนี้บางครั้งเรียกว่า  พิธีศีลมหาสนิทหรือมิซซา

               การถวายทรัพย์  คริสเตียนไม่มีการทำบุญแต่มีการถวายทรัพย์  พระเจ้าไม่เคยบังคับให้ใครถวายแก่พระองค์  คนที่จะถวายต้องถวายด้วยความเต็มใจเท่าไรก็สุดแล้วแต่ความรักของเราที่มีต่อพระองค์  การถวายไม่ได้ทำให้ใครไปสวรรค์  การไปสวรรค์ไปตั้งแต่เรารับบัพติศมาเป็นคริสเตียนแล้ว  การถวายทรัพย์เป็นการแสดงถึงความรักที่เรามีต่อพระองค์

               การร้องเพลง  พระเจ้าต้องการให้เราสรรเสริญพระองค์  การร้องเพลงแสดงให้เห็นถึงการรู้สึกของจิตใจผู้ร้อง  พระองค์ไม่ได้สั่งให้เราเล่นเพลงเพื่อพระองค์  แต่ให้แสดงความในใจออกมาเป็นคำพูดและเป็นเครื่องบูชาแก่พระองค์

               การออกนำวิญญาณ  คริสเตียนที่ตระหนักถึงความสำคัญที่พระเยซูได้ทรงเสด็จมากระทำคือไถ่บาปมนษย์  จะพยายามสุดความสามารถของเขาในการที่ให้มนุษย์ด้วยกัน  ได้มีโอกาสรอดจากความบาป  ดังนั้นเขาจะพยายามประกาศให้คนบาปได้รู้ถึงพระผู้ช่วยให้รอดของเขา  คนที่รู้ถึงความรอดแล้วไม่พยายามบอกคนอื่น  เขาก็เป็นคนเห็นแก่ตัว  พระเยซูต้องการให้เราบอกเพื่อน ๆ  พ่อแม่  ญาติพี่น้อง  และทุกคนให้รู้ว่า  ความรอดมีอยู่ในพระองค์

Comments

Popular posts from this blog

คำอุปมา บทที่ 8

คำอุปมา บทที่ 13

บทเรียนไปษณีย์ บทที่ 3